สรุปสาระสำคัญ
บอทเทรดจะซื้อเหรียญในราคาทบต้นไปเรื่อย ๆ ตามระบบ Martingale โดยจะใช้บอทนี้กับเหรียญเพียง 1 เหรียญ หรือกระจายความเสี่ยง หลาย ๆ เหรียญก็ได้ ถือเป็นบอทเทรดที่มีความเสี่ยงสูงมาก เหมาะใช้กับเหรียญที่มีแนวโน้มย่อตัวก่อนพุ่งเป็นเทรนด์ขาขึ้นระยะยาว
ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนต่อเดือน
(3-10%)
ในยุคที่การเทรดคริปโตเคอร์เรนซีได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การใช้บอทเทรดคริปโตเคอร์เรนซีก็กลายเป็นเครื่องมือที่หลาย ๆ คนหันมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรด หนึ่งในบอทเทรดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ DCA Bot (Martingle) ซึ่งในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ DCA Bot และวิธีการใช้งานในแพลตฟอร์ม Pionex กันอย่างละเอียด
สารบัญ
- DCA Bot คืออะไร?
- โหมด DCA บอทที่มีให้เลือก
- Martingle คืออะไร?
- บอท Martingale ของ Pionex
- จะทำกำไรกับบอท Martingale ของ Pionex ได้อย่างไร?
- จำนวนเงินทุนที่เหมาะสมกับบอทเทรดนี้
- ขั้นตอนการใช้งาน DCA Bot (Martingle) บน Pionex
- ข้อดีและข้อเสียของการใช้ DCA Bot (Martingle)
- เคล็ดลับในการใช้ DCA Bot (Martingle) บน Pionex
- บทสรุป
- อธิบายเพิ่มเติม
DCA Bot คืออะไร?
DCA Bot หรือ Dollar-Cost Averaging Bot คือบอทที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อสินทรัพย์ด้วยการเฉลี่ยต้นทุนลดความเสี่ยงของการลงทุนในคราวเดียวกัน การทำ DCA นั้นเป็นการซื้อสินทรัพย์อย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่กำหนด ไม่ว่าราคาของสินทรัพย์จะขึ้นหรือลงก็ตาม ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดได้
โหมด DCA บอทที่มีให้เลือก
1.Simple mode
เป็นโหมดที่ง่ายที่สุดในการใช้งานและการตั้งค่า โดยระบบบอทจะปรับแต่งค่า Arbitrage เพียง 1 คู่สกุลเงินเท่านั้น โดยสามารถปรับแต่ด้วยระบบ AI strategy หรือ Customize หรือ DIY ก็ได้ทั้งสิ้น
เมื่อเลือกโหมดนี้คุณจะใช้บอทกับเหรียญได้เพียง 1 คู่สกุลเงินเท่านั้น
AI Strategy (ง่ายที่สุด) | Customize |
---|---|
1.เลือกระดับความเสี่ยงได้ 2 แบบคือ 1.1 Balanced (8 คำสั่ง) 1.2 Conversative (15 คำสั่ง) | 1.เลือก Price Divistion ได้สองแบบ 1.1 Percentage 1.2 Fix num |
2.ปรับสัดส่วน Take profit ratio ได้ 2.1 0.5% 2.2 1.0% 2.3 2.0% |
2.Composite mode
โหมดคอมโพสิตของบอท DCA เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่ช่วยให้นักเทรดสามารถเทรดเหรียญหลาย ๆ เหรียญพร้อมกันได้ โดยการกระจายความเสี่ยงผ่านการกระจายพอร์ตการลงทุน โหมดนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักเทรดที่ต้องการลดความเสี่ยงที่มีอยู่ในหลาย ๆ คริปโตเคอร์เรนซี โดยสามารถปรับแต่ด้วยระบบ AI strategy หรือ Customize หรือ DIY ก็ได้ทั้งสิ้น
เมื่อเลือกโหมดนี้คุณจะใช้บอทกับเหรียญได้หลายสกุลเงินพร้อม ๆ กัน โดยใช้เงินทุน USDT ก้อนเดียวกัน
AI Strategy (ง่ายที่สุด) | Customize |
---|---|
1.เลือกเหรียญเพิ่มเติม | 1.เลือกเหรียญเพิ่มเติม |
2.เลือกระดับความเสี่ยงได้ 2 แบบคือ 2.1 Balanced (8 คำสั่ง) 2.2 Conversative (15 คำสั่ง) | 2.เลือกกลยุทธ์ SIGNAL พิเศษ 2.1 Immediately (QFL (Quick Finger Luc Signals)* 2.2 TBT (The Better Trader)** |
3.ใส่ค่า Price Divistion ตั้งแต่ 0.1%-15% | |
4.ปรับสัดส่วน Take profit ratio ได้ 4.1 0.5% 4.2 1.0% 4.3 2.0% |
Martingle คืออะไร?
Martingle เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ใช้กันในเกมการพนันและการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง แนวคิดของกลยุทธ์นี้คือการเพิ่มขนาดของการลงทุนสองเท่าหลังจากที่ขาดทุน เพื่อที่จะคืนทุนเมื่อการลงทุนครั้งถัดไปประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงสูงและไม่เหมาะกับทุกคน
กลยุทธ์ Martingale แบบคลาสสิก
เราเชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับกลยุทธ์ “Martingale” ซึ่งโดยทั่วไปแล้วกลยุทธ์นี้ถูกใช้ในเกมเก็งกำไรบางเกม เช่น “ไพ่สูงสุดชนะทั้งหมด” ตัวอย่างเช่น หากคุณแพ้ในรอบแรกของเกม คุณสามารถเพิ่มเงินเดิมพันเป็นสองเท่าในรอบถัดไปจนกว่าคุณจะชนะ
ตามทฤษฎีความน่าจะเป็น หากอัตราการชนะในแต่ละรอบเป็นเหตุการณ์ที่เป็นอิสระต่อกัน อัตราความน่าจะเป็นในการได้กำไรสุดท้ายคือ 1–0.5^n กล่าวคือ ยิ่งคุณเข้าร่วมหลายรอบติดต่อกันมากเท่าไหร่ ความน่าจะเป็นในการได้กำไรของคุณจะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น ตัวอย่างเช่น อัตราการชนะในรอบแรกคือ 50% รอบที่สองคือ 75% รอบที่สามคือ 87.5% รอบที่สี่คือ 93.75% และรอบที่ห้าคือ 96.875%
ในการชนะครั้งสุดท้าย คุณจะต้องเพิ่มจำนวนเงินเดิมพันเป็นสองเท่าของรอบก่อนหน้านั้น ดังนั้นการขาดทุนจากรอบก่อนหน้านั้นจะถูกครอบคลุมโดยการชนะในรอบถัดไป ซึ่งจะทำให้คุณได้กำไร ตัวอย่างเช่น คุณลงทุนครั้งแรก $10 ครั้งที่สอง $20 ครั้งที่สาม $40 ครั้งที่สี่ $80 และครั้งที่ห้า $160 หากคุณชนะในรอบที่ห้า กำไรสุดท้ายจะเป็น 160–80–40–20–10=$10
บางคนเรียกกลยุทธ์ Martingale ว่า “ชนะด้วยเงินทุนที่เพียงพอ” หากคุณมีเงินทุนมากพอ คุณจะได้กำไรอย่างแน่นอนในที่สุด แต่ในความเป็นจริง ไม่มีใครมีเงินทุนไม่จำกัด แม้แต่อัตราการชนะ 99.99% ก็อาจทำให้คนหนึ่งโชคร้ายและสูญเสียเงินทุนทั้งหมด
ดังนั้น จะใช้กลยุทธ์ Martingale ในการเทรดอย่างไรและปรับปรุงให้มีอัตราการชนะที่สูงขึ้นและการใช้เงินทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น? มาสำรวจกันต่อ
บอท Martingale ของ Pionex
บอท Martingale ของ Pionex ถูกพัฒนาและออกแบบโดยใช้แนวคิดหลักของกลยุทธ์ Martingale แบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นกลยุทธ์ของการซื้อแบบขั้นบันไดและขายทั้งหมดในครั้งเดียว และจะใช้เงินทุนมากขึ้นเพื่อซื้อเมื่อราคาลดลงอย่างมากเพื่อลดต้นทุนเฉลี่ยของการถือครอง
บอท Martingale ของ Pionex จะซื้อเหรียญในปริมาณที่ไม่เท่ากันหลังจากราคาลดลงในแต่ละครั้งโดยมีเปอร์เซ็นต์ที่กำหนด หากคุณสร้างบอท Martingale ของ Pionex บอทจะคำนวณด้วยพารามิเตอร์ที่คุณตั้งค่าและแบ่งการลงทุนออกเป็นหลายส่วนอย่างเท่าเทียมกัน จากนั้นบอทจะซื้อเหรียญด้วย 1 ส่วน, 1 ส่วน, 2 ส่วน, 4 ส่วน, 8 ส่วน, 16 ส่วน…
สมมติว่าหากราคาลดลง 1% บอทจะซื้อเหรียญในปริมาณหนึ่ง ดังนั้นบอทจะซื้อเมื่อราคาของสกุลเงินลดลงไปถึง 99%, 98%, 97%, 96%, 95%… เมื่อราคาลดลง 5% ราคาถัวเฉลี่ยจะเป็น 95.97% ของราคาตั้งต้น ณ จุดนี้ หากราคาปัจจุบันเพิ่มขึ้น 1.02% จะคืนทุนได้ ซึ่งลดความเสี่ยงได้มาก อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์บอทเทรดแบบกริด (Grid Trading Bot) ต้องเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 99% ของราคาตั้งต้นเพื่อคืนทุน ในขณะที่บอท Martingale ของ Pionex ต้องการเพิ่มขึ้นเพียง 4.2% เท่านั้น
จะทำกำไรกับบอท Martingale ของ Pionex ได้อย่างไร?
ข้อแรกคือต้องเลือกเหรียญที่ดี ตราบใดที่เหรียญนี้มีสภาพคล่องที่ดี ราคาจะไม่ลดลงไปจนถึงศูนย์ในระยะยาว และบอท Martingale จะสามารถช่วยให้ทำกำไรได้ ข้อต่อไปคือการเลือกเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มต้นใช้งาน บอท Martingale ของ Pionex ส่วนใหญ่จะทำกำไรได้เว้นแต่ราคาจะลดลงอย่างต่อเนื่องโดยไม่กลับมาเพิ่มขึ้นหลังจากเริ่มใช้งาน
จากสองประเด็นข้างต้น แนะนำให้ผู้ใช้เลือกเหรียญที่มีมูลค่าตลาดสูงและเริ่มต้นในเวลาที่ราคายังไม่สูงเกินไป ซึ่งจะทำให้มีกำไรจากสภาพคล่อง ลดความเสี่ยง และการดึงเงินทุนออก
บอท Martingale ของ Pionex ไม่ใช้การกู้ยืมเงินและสามารถตั้งค่าเปอร์เซ็นต์ของการลดลงสำหรับการซื้อเมื่อราคาลดลงได้อย่างอิสระ ดังนั้นจึงมีความปลอดภัยมาก ตราบใดที่เลือกเหรียญที่ดี แม้จะมีการลดลงในระยะสั้น ก็สามารถทำกำไรได้ทันทีเมื่อราคาฟื้นตัว
จำนวนเงินทุนที่เหมาะสมกับบอทเทรดนี้
การกำหนดระดับของเงินทุนที่เหมาะสมสำหรับการใช้กลยุทธ์เหล่านี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงความเสี่ยงที่ยอมรับได้, การจัดการพอร์ตการลงทุน, และเป้าหมายการเทรด ดังนั้น จึงไม่มีตัวเลขที่แน่นอน แต่สามารถสรุปคร่าว ๆ ได้ดังนี้
1 ระดับความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนต่ำ (หากเลือก Simple mode) ควรมีเงินทุนที่สามารถแบ่งออกเป็นหลายส่วนได้อย่างน้อย 10-20 ส่วน เพื่อให้สามารถซื้อเหรียญได้ในหลายช่วงเวลา เงินทุนเริ่มต้นสามารถเป็นจำนวนเล็กน้อย เช่น $500-$1000 |
2 ระดับความเสี่ยงปานกลางถึงสูง ผลตอบแทนปานกลาง (หากเลือก Composite mode กลยุทธ์ QFL หรือ Immediately) ควรมีเงินทุนที่สามารถแบ่งออกเป็นหลายส่วนได้และมีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดการลงทุนตามสัญญาณ เงินทุนเริ่มต้นสามารถอยู่ในช่วง $2000-$5000 |
3 ระดับความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนสูงมาก (หากเลือก Composite mode กลยุทธ์ TBT) ควรมีเงินทุนที่สามารถรองรับการเพิ่มขึ้นของขนาดการลงทุนในแต่ละรอบได้ เนื่องจากกลยุทธ์นี้ต้องการการเพิ่มเงินลงทุนเป็นสองเท่าหลังจากการขาดทุนแต่ละครั้ง กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงสูง ดังนั้นควรมีเงินทุนที่มากพอเพื่อรองรับการขาดทุนได้หลายครั้ง เช่น $5000-$10000 ขึ้นไป |
ขั้นตอนการใช้งาน DCA Bot (Martingle) บน Pionex
1.การสมัครและยืนยันตัวตน
ในการเริ่มต้นใช้งาน Pionex คุณจำเป็นต้องสมัครบัญชีผู้ใช้และยืนยันตัวตนตามขั้นตอนที่แพลตฟอร์มกำหนด การสมัครใช้งานสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านทางเว็บไซต์ของ Pionex
2.การฝากเงินเข้าบัญชี
หลังจากที่คุณสมัครและยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการฝากเงินเข้าบัญชี Pionex ของคุณ ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การโอนผ่านธนาคาร การใช้บัตรเครดิต หรือการโอนผ่านคริปโตเคอร์เรนซีอื่น ๆ
2.1 คุณสามารถซื้อเหรียญ USDT ที่ Pionex ได้ทันทีด้วยบัตรเครดิต/เดบิต VISA หรือ MAstercard |
2.2 หรือเลือกซื้อเหรียญ USDT ที่ Bitkub จากนั้นโอนเหรียญเข้ามาที่ Pionex ผ่านกระเป๋าคริปโตก็สามารถทำได้ |
3.การตั้งค่า DCA Bot (Martingle) โหมด Simple
มื่อคุณมีเงินในบัญชีแล้ว คุณสามารถเริ่มตั้งค่า DCA Bot (Martingle) ได้โดยตัวอย่างด้านล่าง ผู้เขียนจะสอนโหมดอย่างง่าย (Simple mode) โดยใช้ระบบ A.I. Strategy ในการกำหนดค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ ซึ่งคุณสามารถดูและทำตามได้ทันที
1 เลือกสินทรัพย์ที่ต้องการเทรด คุณสามารถเลือกสินทรัพย์ที่ต้องการทำ DCA ได้ เช่น Bitcoin, Ethereum หรือสินทรัพย์คริปโตอื่น ๆ จากตัวอย่างด้านล่าง ผู้เขียนเลือก คู่เงิน BTC/USDT และจากนั้นมาคลิกที่คำว่า Create บน DCA Bot (Martingale) |
2 เลือกโหมดที่ต้องการใช้งาน ให้คุณเลือกโหมดที่ชื่อว่า Simple mode |
3 กำหนดค่าความเสี่ยงที่ต้องการซื้อ ระบบจะให้เลือกระหว่าง Balanced กับ Conservative ผมแนะนำให้เลือกเป็นแบบ Balanced |
4 สร้างบอทเทรด ให้คุณใส่จำนวนเงินที่ต้องการลงทุน และจากนั้นกดปุ่ม Create |
4.การตั้งค่า DCA Bot (Martingle) โหมด Composite Mode (หากอยากใช้)
หากคุณต้องการลดความเสี่ยงลงอีกด้วยการทำ DCA กับเหรียญจำนวนหลายเหรียญ คุณสามารถเลือกใช้โหมด Composite Mode ซึ่งจะให้คุณลงทุนในหลายเหรียญพร้อมกันในเวลาเดียว โดยเราจะใช้ระบบ A.I. Strategy มีขั้นตอนการตั้งค่าและสร้างบอทเทรดตัวนี้ตามภาพด้านล่างนี้
1 เลือกสินทรัพย์ที่ต้องการเทรด คุณสามารถเลือกสินทรัพย์ที่ต้องการทำ DCA ได้ เช่น Bitcoin, Ethereum หรือสินทรัพย์คริปโตอื่น ๆ จากตัวอย่างด้านล่าง ผู้เขียนเลือก คู่เงิน BTC/USDT และจากนั้นมาคลิกที่คำว่า Create บน DCA Bot (Martingale) |
2 เลือกโหมดที่ต้องการใช้งาน ให้คุณเลือกโหมดที่ชื่อว่า Composite Mode |
3 เพิ่มจำนวนเหรียญที่ต้องการซื้อ ให้คุณกดปุ่ม Add new coins เพื่อเข้าไปเพิ่มเหรียญที่ต้องการใช้บอทเทรด |
4 เลือกเหรียญเพิ่ม ติ้กเลือกเหรียญที่ต้องการเพิ่มเข้ามา จากนั้นกดปุ่ม CONFIRM |
5 กหนดค่าความเสี่ยงที่ต้องการ ระบบจะให้เลือกระหว่าง Balanced กับ Conservative ผมแนะนำให้เลือกเป็นแบบ Balanced |
6 สร้างบอทเทรด ให้คุณใส่จำนวนเงินที่ต้องการลงทุน และจากนั้นกดปุ่ม Create |
ข้อดีและข้อเสียของการใช้ DCA Bot (Martingle)
ข้อดี |
---|
1 ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด การใช้ DCA Bot ช่วยให้คุณสามารถซื้อสินทรัพย์ในราคาที่เฉลี่ยออกมา ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาในตลาด |
2 ไม่ต้องใช้เวลาในการเฝ้าติดตามตลาด บอทเทรดจะทำการซื้อสินทรัพย์ให้คุณตามที่กำหนดโดยไม่ต้องเฝ้าติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด |
3 มีโอกาสคืนทุนสูง ด้วยกลยุทธ์ Martingle คุณมีโอกาสที่จะคืนทุนได้เมื่อการลงทุนครั้งถัดไปประสบความสำเร็จ |
ข้อเสีย |
---|
1 ความเสี่ยงสูง กลยุทธ์ Martingle มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากการเพิ่มขนาดของการลงทุนสองเท่าหลังจากที่ขาดทุนอาจทำให้คุณสูญเสียเงินเป็นจำนวนมากหากตลาดไม่กลับตัว |
2 ต้องมีเงินทุนสูง การใช้กลยุทธ์ Martingle ต้องมีเงินทุนสูงเพียงพอเพื่อรองรับการลงทุนในครั้งถัดไป |
เคล็ดลับในการใช้ DCA Bot (Martingle) บน Pionex
1 ตั้งค่าการลงทุนที่เหมาะสม อย่าลงทุนเกินความสามารถของคุณ ควรตั้งค่าจำนวนเงินที่คุณสามารถยอมรับได้หากขาดทุน |
2 ติดตามผลการลงทุน ถึงแม้ว่าคุณจะใช้บอทเทรด แต่ก็ควรติดตามผลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ |
3 ศึกษาและเรียนรู้ การลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีมีความเสี่ยงสูง ควรศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุนและกลยุทธ์การเทรดต่าง ๆ อย่างละเอียด |
บทสรุป
DCA Bot (Martingle) เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดและเพิ่มโอกาสในการคืนทุน อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ Martingle มีความเสี่ยงสูงและต้องมีเงินทุนที่เพียงพอ การใช้งานบอทเทรดบนแพลตฟอร์ม Pionex เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นการใช้ DCA Bot แต่ควรมีการศึกษาและติดตามผลการลงทุนอย่างใกล้ชิด
การลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีมีความเสี่ยงสูง ควรพิจารณาและศึกษาข้อมูลให้ดีและรอบคอบก่อนการลงทุนเสมอ
อธิบายเพิ่มเติม
TBT (The Better Trader)**
TBT (The Better Trader) เป็นผู้ให้บริการสัญญาณที่สร้างขึ้นโดย Moonin Papa ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเทรดบอทที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการคริปโตเคอร์เรนซี นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง The Better Trader ซึ่งเป็นบริษัทการศึกษาการเทรดคริปโตชั้นนำระดับนานาชาติที่มีนักเรียนกว่า 25,000 คนใน 36 ประเทศ ด้วยประสบการณ์การเทรดด้วยบอทมากกว่าสามปี เขาเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงและได้รับความไว้วางใจในชุมชนการเทรดคริปโตเคอร์เรนซี
สัญญาณ TBT อิงตามการวิเคราะห์ทางเทคนิคและออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักเทรดตัดสินใจเทรดอย่างมีข้อมูล ผู้ให้บริการสัญญาณนี้มีสัญญาณหลายแบบสำหรับคู่เทรดต่าง ๆ โดยการเลือกใช้สัญญาณ TBT เป็นเงื่อนไขเริ่มต้นสำหรับบอท DCA ของคุณ คุณสามารถใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของ Moonin Papa และทำการเทรดโดยอิงจากข้อมูลตลาดที่ทันสมัยที่สุด
ด้านล่างนี้คือเหรียญที่รองรับบน Pionex
BTC | ETH |
BNB | ADA |
XRP | DOT |
XLM | EOS |
XTZ | ATOM |
DASH | BCH |
LTC | LINK |
QFL (Quick Finger Luc Signals)*
QFL (Quick Fingers Luc) เป็นผู้ให้บริการสัญญาณที่มีสัญญาณหลากหลายสำหรับคู่เทรดต่าง ๆ อัลกอริธึม QFL อิงจากระดับราคาที่เรียกว่า “ฐาน” และการหาการดีดตัวที่เป็นไปได้หลังจากการลดลงของราคา
บอทถูกออกแบบมาเพื่อหาฐานหลังจากที่ราคาลดลง ซึ่งราคาควรจะดีดตัวขึ้นตามโมเดลราคาที่เรียกว่า dead cat bounce หลังจากการลดลง บอทจะเริ่มทำดีลใหม่
กลยุทธ์ QFL มีความซับซ้อนค่อนข้างมาก ใครที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์นี้สามารถหาข้อมูลโดยละเอียดได้จากเอกสารดังต่อไปนี้: https://steemit.com/@quickfingersluc
ช่องเปอร์เซ็นต์ในกลยุทธ์ QFL แสดงถึงการลดลงของราคาต่ำกว่าฐาน ตัวอย่างเช่น ถ้ากำหนดไว้ที่ 3.5% บอทจะรอจนกว่าราคาจะต่ำกว่าฐาน 3.5% และ QFL บน Pionex ใช้ค่า 3.5%
Pionex มีโหมดการใช้งานสัญญาณ QFL สามโหมดที่แตกต่างกัน ได้แก่ เสี่ยงสูง (Risky), ปานกลาง (Moderate), และอนุรักษ์นิยม (Conservative)
ระดับความเสี่ยง | กรอบเวลา | ความถี่ในการเทรด |
---|---|---|
Risky | 1H | normal |
Moderate | 2H | slow |
Conservative | 4H | very slow |
ยิ่งราคาลดลงน้อยเท่าไร อัลกอริธึมจะรอการลดลงน้อยเท่านั้น ความถี่ในการเปิดดีลใหม่ก็จะน้อยลงตามไปด้วย โดยการเลือกโหมดที่ตรงกับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ คุณสามารถใช้สัญญาณ QFL เพื่อทำการตัดสินใจเทรดอย่างมีข้อมูลและจัดการความเสี่ยงของคุณได้
ด้านล่างนี้คือเหรียญที่รองรับบน Pionex
BTC | ETH | BNB | XRP | ADA |
DOGE | MATIC | LTC | SOL | DOT |
TRX | SHIB | AVAX | UNI | ATOM |
LEO | WBTC | LINK | XMR | ETC |
TON | BCH | XLM | APE | OKB |
CRO | ALGO | LDO | NEAR | QNT |
ข้อมูลอ้างอิง https://www.pionex.com/blog/whats-martingale-bot/ |
ข้อมูลอ้างอิง https://www.pionex.com/blog/dca-bot/ |
ข้อมูลอ้างอิง https://www.xn--l3cfak1c3cwh.com/bot-trading-pionex/ |
ข้อมูลอ้างอิง https://steemit.com/@quickfingersluc |